ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.35 แข็งค่าจากช่วงเช้าตามแรงขายดอลล์ทำกำไร มองกรอบพรุ่งนี้ 30.30-30.40 ตลาดรอผลประชุม BOJ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 20, 2020 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.35 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่เปิด ตลาดที่ระดับ 30.40 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 30.34-30.42 บาท/ดอลลาร์

"ยังไม่มีประเด็นอะไรเข้ามาเพิ่มเติม วันนี้น่าจะมีแรงขายทำกำไรดอลลาร์ โดยเฉพาะช่วงบ่ายเห็นสัญญาณการขายทำกำ ไรอย่างต่อเนื่อง"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน กล่าวว่า สำหรับทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันพรุ่งนี้ประเมินไว้ระหว่าง 30.30-30.40 บาท/ ดอลลาร์

คืนนี้ตลาดสหรัฐฯหยุดทำการ ระยะใกล้ตลาดน่าจะไปรอผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คืนวันพรุ่งนี้ ส่วนการ เมืองในประเทศน่าจะมีผลทางจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นมากกว่า

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 110.16 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 110.18 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1089 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1095 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,589.11 จุด ลดลง 11.37 จุด, -0.71% มูลค่าการซื้อขาย 57,944.71 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 229.59 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ผ่อน
คลายหลักเกณฑ์ การกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ Loan to Value: LTV) เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ประชาชนกู้บ้านเพื่อ
อยู่อาศัยจริงได้ง่ายขึ้น และบนพื้นฐานของหลักการและวัตถุประสงค์ของการมีมาตรการในการดูแลการเก็งกำไรและส่งเสริมการออมของ
ประชาชน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2563 เป็นต้นไป
  • ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ครัว
เรือนไทยยังน่ากังวล โดยพบว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยกลับมา
เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2561 เป็นการขยายตัวจากสินเชื่ออุปโภคและบริโภคทุกประเภท ซึ่งเป็นผลจากทั้งการแข่งขันในตลาดสินเชื่อ
รายย่อยที่สูงขึ้น และพฤติกรรมการใช้จ่ายของครัวเรือนที่มากขึ้น รวมทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs
ซึ่งมีแนวโน้มด้อยลงตามภาวะเศรษฐกิจ
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อสำหรับปี 63 ที่ระดับ 5-7% ด้วยนโยบายการบริหาร
ความเสี่ยงที่มีความรอบคอบระมัดระวัง จากที่มองเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงเผชิญปัญหาความเสี่ยงทาง
ภูมิรัฐศาสตร์และข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ด้วยนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ
รัฐบาล ประกอบกับมีการเร่งเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐ ก็จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตระดับ 2.5% ในปีนี้
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ในส่วนของเป้าหมายทางการเงินปี 63 อยู่ระหว่าง
การนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการในปลายสัปดาห์นี้
  • กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปี 63 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 62 ทั้งในส่วนของ
น้ำมันกลุ่มเบนซิน น้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยาน ขณะที่การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV)
จะปรับตัวลดลง
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เริ่มการประชุมนโยบายที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันแล้วในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า BOJ
จะคงนโยบายผ่อนคลายการเงินไว้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศ รวมทั้งการปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวสำหรับปีงบประมาณหน้า
  • รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะผลักดันเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งเน้นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน
ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลางการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
  • รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ว่า ภาคอุตสาหกรรมของจีนจะ
ยังคงขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพในปีนี้ แม้เผชิญปัจจัยกดดันบางประการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ