(เพิ่มเติม) KWG ลั่นเกิด Big Change รอบ 2 ในอีก 3 ปีจากคาดธุรกิจอสังหาฯ-ประกัน Turnaround เป็นบวกตั้งแต่ปี 64

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 21, 2020 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) KWG ลั่นเกิด Big Change รอบ 2 ในอีก 3 ปีจากคาดธุรกิจอสังหาฯ-ประกัน Turnaround เป็นบวกตั้งแต่ปี 64

บมจ.คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) (KWG) มั่นใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Big Change) ครั้งใหญ่ของบริษัทเป็นรอบที่ 2 ในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังจากธุรกิจหลักทั้ง 2 ประเภท คือ ประกัน และ อสังหาริมทรัพย์ เริ่มสร้างรายได้จากการลงทุนเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะจากแผนเข้าซื้อหุ้น บมจ.แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต และ บลจ.แมนูไลฟ์ ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 2/63 และการเดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ โดยเชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทจะเริ่ม Turnaround ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป

(เพิ่มเติม) KWG ลั่นเกิด Big Change รอบ 2 ในอีก 3 ปีจากคาดธุรกิจอสังหาฯ-ประกัน Turnaround เป็นบวกตั้งแต่ปี 64

สำหรับผลประกอบการที่ยังขาดทุนอยู่นั้น เนื่องจากงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าไปรุกขยายธุรกิจ ยังโอนส่งมอบไม่ทันงบปี 62 และการลงทุนเข้าซื้อกิจการประกันวินาศภัยในปี 61 ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่มองว่า เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในช่วงขยายธุรกิจ แม้งบการเงินในปีนี้ยังขาดทุนอยู่ แต่เป็นการขาดทุนที่ลดลงจากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปี 64 ด้วยกลยุทธ์ใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจประกัน ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะสร้างรายได้ในสัดส่วน 50:50

"ในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยพื้นฐานของ KWG ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยกลยุทธ์การสะสมที่ดินที่มีศักยภาพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และเป็นหัวใจสำคัญทำให้ KWG มีสินทรัพย์ที่ดินเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ แล้วจำนวน 4 โครงการ จากช่วงที่เข้ามาถือหุ้นมีเพียง 1 โครงการ โดยโครงการบางส่วนจะเริ่มรับรู้รายได้แล้วในช่วงกลางปี 62-64 ขณะที่มีโครงการในอนาคตอีกหลายโครงการ สะท้อนความไม่หยุดนิ่งในการเติบโต และการขยายมายังธุรกิจประกัน โดยเฉพาะแผนเข้าซื้อกิจการแมนูไลฟ์ฯ จะสนับสนุนแผนเทิร์นอะราวด์ในปี 64 ให้ KWG"นายแอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KWG กล่าว

นายแอริค หวง กรรมการ กลุ่ม คิง ไว กรุ๊ป และ ตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KWG บริษัทในเครือ คิง ไว กรุ๊ป หนึ่งในเครือธุรกิจชั้นนำที่มีฐานในฮ่องกง กล่าวว่า Big Change ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากคิง ไว กรุ๊ป เข้าตลาดหลักทรัพย์ผ่านการซื้อ บมจ.เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (KTP) พร้อมกับการเดินหน้าขยายกิจการเพื่อสร้างรากฐานธุรกิจในประเทศไทย จากนั้นได้เข้าซื้อบริษัท คิว บี อี อินชูแรนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจประกันภัย

ครั้งนี้ KWG จะขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 13 ก.พ.63 อนุมัติการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 1.7561 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาเสนอขายคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักย้อนหลัง 15 วัน ก่อนวันที่ 12 ก.พ.63 และจะมีส่วนลด 5% ผู้มีสิทธิในการจองซื้อจะต้องมีรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น วันที่ 21 ก.พ.63

KWG คาดว่าจะได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 750 ล้านหุ้นในครั้งนี้ราว 1.2 พันล้านบาท โดยมีแผนให้บริษัท คิง ไว แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้น 99.61% ในธุรกิจประกันชีวิตของกลุ่มแมนูไลฟ์ และ 48.86% ของธุรกิจจัดการกองทุนภายใต้ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจประกันให้ครบวงจร ส่วนอีก 200 ล้านบาทจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายแอริค กล่าวถึงความเชื่อมั่นในแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย ณ วันที่ 19 ธ.ค.62 คือ บริษัท เคดับเบิลยูที 1499 (ประเทศไทย) คอมปานี พีทีอี แอลทีดี หรือ KWT1499 สัดส่วน 46.73% และบริษัท ทอมโม (ประเทศไทย) จำกัด สัดส่วน 38.22% ซึ่งเป็นกลุ่มของคิง ไว กรุ๊ป ยืนยันจะเพิ่มทุนตามสัดส่วนเหมือนดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

สำหรับธุรกิจประกัน ในปี 62 มีรายได้เป็นสัดส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด ซึ่งมาจากบริษัท คิง ไว ประกันภัย ที่เปลี่ยนชื่อมาจากบริษัทคิว บี อี อินชูแรนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และหลังจากเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตผ่านการซื้อหุ้น แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต จะทำให้รายได้ของธุรกิจนี้เติบโตราว 20-25% ในช่วง 3 ปีจากนี้ โดยจะเน้นการทำ Cross selling การขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันภัยระหว่างสองบริษัท ทั้งการเสนอขายผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม ที่ แมนูไลฟ์ ลงทุนไว้กว่า 600 ล้านบาท และการขายผ่านตัวแทนของ คิง ไวประกันภัยที่มีกว่า 700 คน โดยอาศัยฐานลูกค้าเดิมของแต่ละบริษัทและขยายไปสู่ฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

"การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่หายาก อาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่จะสามารถซื้อธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยจากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้วยราคาที่ดีมาก ซึ่งจะช่วยทำให้ยกระดับกลุ่ม คิง ไว กรุ๊ป สู่การเป็นบริษัทประกันที่ให้บริการครอบคลุมครบวงจร โดยปัจจุบันสินทรัพย์ของแมนูไลฟ์มีอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งไม่มากนัก จึงทำให้เห็นโอกาสในการเติบโตยิ่งขึ้นภายใต้การบริหารงานของ คิง ไว กรุ๊ป"นายแอริค กล่าว

ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปี 62 มีรายได้เป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 63-64 จากโครงการที่ได้วางแผนไว้ ปัจจุบันมีจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ วิลล่า อะคาเดีย ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นโครงการเดิมของ KTP รวมทั้งโครงการใหม่ คือ เอส 61 สุขุมวิท บาย เคดับบลิวจี และ ดับบลิว วิลล่า บาย เคดับบลิวจี นอกจากนั้นยังมีโครงการที่อยู่ในแผนงานคือ เอส 31 และโครงการที่ถนนพระราม 4 ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการ

สำหรับโครงการดับบลิว วิลล่า บาย เคดับบลิวจี ที่เฟสแรก 80 หลัง ราคาขาย 12 ล้านบาท/หลัง ประเมินมูลค่ากว่าพันล้านบาท จะเริ่มโอนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/63 และน่าจะปิดการขายได้ภายใน 2-3 ปี จากนั้นจะขยายเฟสต่อๆ ไปจนครบ 256 หลัง ส่วน เอส 61 มูลค่าโครงการราว 2 พันล้านบาทก็จะเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ ซึ่งบริษัทคาดว่าทั้งสองโครงการจะทำรายได้ราว 2-3 พันล้านบาทในช่วง 2-3 ปีนี้

ด้านนายแอนโทนิโอ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังมีแผนงานพัฒนาที่ดินผืนใหญ่กว่า 2.4 พันไร่ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และใกล้กับสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และรอการพิจารณามาตรการสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ซึ่งเบื้องต้นรูปแบบการพัฒนาจะเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่จะมีองค์ประกอบสำคัญคือ Medical Center ประกอบด้วย โรงพยาบาล บ้านพักผู้สูงวัย และโรงเรียนการแพทย์ รวมถึงโครงการในรูปแบบอื่นๆ โดยบริษัทเปิดกว้างรับข้อเสนอของพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการ ซึ่งขณะนี้มีหลายรายที่แสดงความสนใจเข้ามาบ้างแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนของบ้านพักผู้สูงวัย ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตรายใหญ่จากจีน เข้ามาเป็นพันธมิตรทั้งการลงทุน และสนับสนุนทางด้านธุรกิจ โดยคาดหวังว่าสมาชิกของกลุ่มประกันดังกล่าวที่มีอยู่หลายล้านรายจะมาเป็นผู้ใช้บริการหลักของบ้านพักผู้สูงวัย ดังนั้น รูปแบบการลงทุนจะมีการสรุปภายหลังจากมีความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ และความร่วมมือกับพันธมิตร คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปีนี้

ส่วนที่ดินที่อยุธยาราว 2 พันไร่ คาดว่าจะมีการพิจารณารูปแบบโครงการภายในปี 64


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ