ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.67/69 แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนหลังดอลล์อ่อน แม้ธปท.ส่งสัญญาณดูแลบาท มองกรอบพรุ่งนี้ 31.50 - 31.80

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 1, 2020 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.67/69 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.76 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทช่วงเย็นนี้ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากในช่วงเช้า แม้วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะออกมาระบุว่าพร้อมใช้ มาตรการที่จำเป็นเพื่อไม่ให้บาทแข็งค่าซ้ำเติมเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ โดยเงินบาทที่ระดับปิดตลาดวันนี้ถือ ว่าแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน สำหรับสาเหตุที่บาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง เป็นเพราะดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับหลายสกุลหลักอื่นๆ จากเหตุการณ์ประท้วงอยู่ในหลายเมืองขณะนี้

"แม้แบงก์ชาติจะออกมาพูดเมื่อเช้าเรื่องพร้อมใช้มาตรการที่จำเป็น เพื่อไม่ให้บาทแข็งค่าซ้ำเติมเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ ระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าลง วันนี้กลับแข็งค่าขึ้นในรอบ 4 เดือน สาเหตุหลักน่าจะมาจากดอลลาร์อ่อนค่า เพราะมีเหตุชุมนุมประท้วงใน หลายเมือง" นักบริหารเงินระบุ

อย่างไรก็ดี เงินบาทยังมีทิศทางที่จะแข็งค่าได้ต่อ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยกดดันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์นี้อยู่

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.80 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.61/64 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.66 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1114/1118 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1134 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,352.37 จุด เพิ่มขึ้น 9.52 จุด (+0.71%) มูลค่าการซื้อขาย 65,155 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,408.45 ลบ. (SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความกังวลว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินส่วน
ใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่า โดยธปท.จะเข้ามาดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ
ทองคำมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งพร้อมพิจารณาดำเนินมาตรการเพื่อไม่ให้การแข็งค่าของเงินบาทซ้ำ
เติมความเปราะบางของเศรษฐกิจ
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนพ.ค.63 พบว่า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 34.4
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเม.ย. โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบและในหลายธุรกิจ ทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การ
ผลิต ยกเว้นกลุ่มผลิตยานยนต์และกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ดัชนีฯ ยังคงลดลงต่อเนื่อง และอยู่ในระดับต่ำมาก เนื่องจากการสั่งซื้อ
สินค้าราคาสูงของผู้บริโภคลดลงภายใต้ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ
  • อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อาเซียนกำหนดจัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอา
เซียนสมัยพิเศษ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-19 (Special AEM and
Special AEM Plus Three on COVID-19) ผ่านระบบทางไกล ในวันที่ 4 มิ.ย.63 โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี
และรมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมฯ
  • โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ สกุลเงินหยวนของจีนจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 7.25 หยวนต่อ
ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน จะสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อสกุลเงิน
หยวน
  • นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐขู่ตอบโต้จีนที่จะบังคับใช้กฎหมาย
ความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง และจากความวิตกที่ว่าความขัดแย้งดังกล่าว จะส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบางอยู่แล้ว

-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 39.4 ในเดือนพ.ค. ลดลงเล็ก น้อยจากระดับเบื้องต้นที่ 39.5 แต่เพิ่มขึ้นจากระดับ 33.4 เมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ดัชนี PMI ยังคง ปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัว โดยมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของยอดคำสั่งซื้อใหม่และยอดการ ผลิต

  • ธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า โดยทั่วไปแล้วความเสี่ยงด้านการเงินในประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ แม้
จีนยังเผชิญกับความท้าทายในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมระบุว่า จีน
จะลดปัญหาหนี้เสียด้วยการใช้มาตรการที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงในระบบการเงิน
  • โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมายืนยันว่า พร้อมใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐ หลังจากสหรัฐประกาศว่าจะยุติการให้

สถานะพิเศษแก่ฮ่องกง โดยการกระทำดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนที่ตึงเครียดอยู่แล้วนั้น ย่ำแย่ลงกว่าเดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ