ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.29/31 อ่อนค่าจากช่วงเช้าสวนทางภูมิภาค จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 4, 2022 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 33.29/31 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้า ที่ระดับ 33.26 บาท/ดอลลาร์

เย็นนี้เงินบาทปิดอ่อนค่า จากแรงขายยอดเงินที่ค้างจากช่วงวันหยุดยาว ด้านสกุลเงินภูมิภาคส่วนใหญ่แข็งค่าเล็กน้อย และ เคลื่อนไหวไม่มาก โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20 - 33.40 บาท/ดอลลาร์

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ตัวเลขจากสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.15 - 33.45 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 115.84/87 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 115.37 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1300/04 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1306 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,670.28 จุด เพิ่มขึ้น 12.66 จุด (+0.76%) มูลค่าการซื้อขาย 100,015 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 6,237.51 ลบ.(SET+MAI)
  • - อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยผลการจำแนกสายพันธุ์เฝ้าระวัง ตั้งแต่เปิด
ประเทศ วันที่ 1 พ.ย. 64 พบติดเชื้อโอมิครอนสะสมจำนวน 2,062 ราย คิดเป็น 19.08% โดยแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
1,150 ราย ติดเชื้อในประเทศ 957 ราย โดยขณะนี้พบการแพร่ระบาดของโอมิครอนแล้วใน 54 จังหวัด และพบการแพร่ระบาดในทุกเขต
สุขภาพ
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 3,185,000
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2565 จำนวน 85,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.74%
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอนุมัติปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ครั้งที่ 1
ซึ่งเสนอโดยคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ โดยมีการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินรวมเพิ่มขึ้นเป็น 75,230.19 ล้าน
บาท
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้
ประกอบการ SMEs ของธนาคารออมสิน หรือ โครงการ Soft Loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท (ปล่อยสินเชื่อ
ต่อรายไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ไม่ต้องมีหลักประกัน) โดยขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการให้ครอบคลุมธุรกิจอื่นที่ได้รับ
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ ผู้ผลิตรายย่อย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก เพื่อให้ SMEs ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและ
ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเป้าหมาย SMEs ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและ Supply Chain อาทิ ร้าน
อาหาร ธุรกิจสปา นวดแผนไทย รถรับจ้างนำเที่ยว เกสต์เฮ้าส์ และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.65 จาก
เดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค.64
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 49.0 ปรับ
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 48.4 ในเดือนพฤศจิกายน และเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดโควิด (Pre-COVID)
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของภาคอุตสาหกรรมในปี 65
จะขยายตัว 2.5-3.5% ขณะที่ประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) จะขยายตัว 4.0-5.0% จากคาด 5.2% ในปี 64 เป็นผลจาก
ตลาดส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ
  • ประเทศจีนเปิดตัวแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินหยวนดิจิทัล "e-CNY (เวอร์ชันนำร่อง)" พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้บนแอ
ปสโตร์ทั้งในระบบแอนดรอยด์และ iOS ของจีนในเซี่ยงไฮ้ โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับการคัดเลือกผ่านสถาบันที่รองรับที่ให้
บริการ e-CNY รวมถึงธนาคารรายใหญ่ภายในประเทศ
  • หุ้นของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ปรับตัวขึ้นราว 3% หลังจากกลับมาเปิดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงช่วงบ่าย
วันนี้ โดยเมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) หุ้นของบริษัทถูกระงับการซื้อขายชั่วคราว ขณะมูลค่าหุ้นอยู่ที่หุ้นละ 1.59 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งยังสูงกว่า
ระดับต่ำสุดที่ 1.42 ดอลลาร์ฮ่องกงที่มีการซื้อขายเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.
  • นักลงทุนในตลาดการเงินจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์
นี้ ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อ
พันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ