HILITE: LALIN พุ่ง 6.93% เก็งผลงาน Q4/64-ปันผลดี,ราคายัง Laggard

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 21, 2022 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น LALIN พุ่ง 6.93% หรือเพิ่มขึ้น 0.70 บาท มาที่ 10.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 57.20 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.13 น. จากราคาเปิด 10.40 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 11.50 บาท ราคาต่ำสุด 10.40 บาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทยป กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เช้านี้ราคากระโดดขึ้นแตะ 11.50 บาทที่เป็นแนวต้าน อาจเป็นแรงเก็งกำไรเข้ามาเนื่องจาก ราคาหุ้น LALIN ก็ยัง lagard กลุ่มบ้านเดี่ยวบริษัทใหญ่ที่ปรับขึ้นไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา และเก็งผลประกอบการไตรมาส 4/64 น่าจะออกมาดี รวมถึงคาดหวังเงินปันผลสูง อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้น LALIN วันนี้ร้อนแรงเกินไป

ขณะที่ นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ LALIN เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/65 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2.1-2.2 พันล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปี 8.5 พันล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/65 ตั้งเป้าไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท จากเป้าทั้งปี 7.3 พันล้านบาท แต่การเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสแรกยังอยู่ระหว่างการรอติดตามสถานการณ์โควิด-19 โอมิครอน แต่ทั้งปี 65 วางแผนเปิดโครงการแนวราบอีก 10-12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7-8 พันล้านบาท

บริษัทยังจะเดินหน้าทำการตลาดผ่านดิจิทัลมากขึ้น หลังจากการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายขึ้น และทราบความต้องการของลูกค้าในตลาดได้ดีขึ้น ทำให้สามารถออกแคมเปญโปรโมชั่น และการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น ด้วยการนำข้อมูลต่างๆ ที่รวบรวมมาจากความคิดเห็นต่างๆ ของลูกค้าที่เข้ามาทางช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านออนไลน์ ถือว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างการเติบโตของยอดขาย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันยอดขายของบริษัทส่วนใหญ่มากกว่า 60% จะมาจากกลุ่มลูกค้าที่ได้เข้ามาติดตามหรือเลือกชมโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ Facebook และ Private Virtual Tour VR360 ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้บริษัทสามารถขายโครงการได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงโควิด และจะมีการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์รุนแรงมากเช่นเดียวกัน

จากข้อมูลของ LALIN พบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อบ้านในโครงการของบริษัทเป็นกลุ่มูกค้าที่ซื้อโครงการแบรนด์ LIO มากที่สุด ช่วงอายุ 25-32 ปี และรองลงมาเป็นโครงการแบรนด์ LANCEO ช่วงอายุ 30-39 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ในปีนี้บริษัทจึงวางแผนขยายกลุ่มลูกค้าอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปให้มาใช้ช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อให้เกิดความหลากหลาย

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการรับชำระค่าโครงการด้วย Cyptocurrency แม้มองว่าอาจยังต้องใช้อีกระยะกว่าจะได้รับความนิยมและนำมาใช้จริง เพราะปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบจากทางการต่างๆ และตลาดเงินดิจิทัลยังมีความผันผวน แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์รายอื่นนำร่อเปิดการรับชำระด้วย Cyptocurrency ไปแล้ว แต่ยังไม่เห็นการใช้ที่แพร่หลาย

"เท่าที่เห็นเจ้าอื่นๆ เขาทำไปก่อนนั้นก็ยังมีน้อยมาก เรามองว่าคนซื้อบ้านในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังมีการใช้สินเชื่อซื้อบ้านเป็นสัดส่วนที่มาก ทำให้การใช้คริปโตยังไม่มีการใช้มากนัก และกฎระเบียบจากข่วยงานกำกับต่างๆก็ยังมีความไม่แน่นอน แม้เราจะมองว่าเป็นโอกาสที่กำลังมาในอนาคตก็ตาม แต่เราก็ศึกษาต่อเนื่อง"นายชูรัชฏ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ